Description

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด (Barcode Printer) Honeywell PD45S

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด (Barcode Printer) Honeywell PD45S เหมาะสำหรับการใช้งานด้านการผลิต ค้าปลีก โลจิสติกส์ การดูแลสุขภาพ และภาครัฐ ด้วยแพลตฟอร์มการพิมพ์ของHoneywell ทำให้ เครื่องปริ้นbarcode Honeywell  PD45S เป็นเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดคุณภาพดี เหมาะกับการใช้งาน

เครื่องพิมพ์qrcode  Honeywell  PD45S  มีความทนทานและได้รับการออกแบบเป็นพิเศษโดยใช้ชิ้นส่วนเครื่องกลภายในขั้นต่ำและโครงสร้างแบบโลหะล้วน ทำให้เครื่องพิมพ์ของเรามีรูปลักษณ์ที่ทนทาน กระทัดรัด และเพรียวบาง เหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลาย

เครื่องปริ้นสติกเกอร์บาร์โค้ด Honeywell  PD45S ทำงานบนโพรเซสเซอร์ Arm Cortex-A7 / 800Mhz หน่วยความจำ 128M และ 128M DDR3 SDRAM มีหัวพิมพ์อุตสาหกรรมที่ซับซ้อนซึ่งรองรับทั้งโหมดการพิมพ์ถ่ายเทความร้อนโดยตรงและโหมดการพิมพ์ถ่ายเทความร้อน เทคโนโลยี Dual Sensor Positioning ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Honeywell สนับสนุนฟังก์ชันการวางตำแหน่งแบบไดนามิกที่ทำให้มั่นใจได้ว่าระดับความสูงของฉลากขั้นต่ำ 5 มม. และความแม่นยำของตำแหน่งในแนวตั้ง 0.5 มม. แถบปรับความดันสองชุดและคู่มือสื่อคู่ช่วยให้การป้อนกระดาษมีความแม่นยำและช่วยหลีกเลี่ยงริ้วรอยริบบิ้นและสิ่งสกปรกในการพิมพ์

นอกจากนี้ เครื่องพิมพ์barcode  Honeywell PD45S  ยังมาพร้อมกับจอ LCD ขนาด 3.5 นิ้ว และจอ LCD ขนาด 2.36 นิ้ว และ PD45 ยังมาพร้อมกับปุ่ม LCD และ LED Feed ขนาด 2.36 นิ้ว เนื่องจากการออกแบบที่สอดคล้องกับสรีรศาสตร์มาก หัวพิมพ์จึงสามารถสลับออกและเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย เซ็นเซอร์ด้านหน้าซึ่งรับประกันการพิมพ์ที่แม่นยำยังสามารถถอดออกได้อย่างง่ายดายเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำความสะอาดและเปลี่ยนลูกกลิ้งยาง เครื่องบาร์โค๊ด Honeywell PD45S   รองรับภาษาคำสั่งเครื่องพิมพ์หลายภาษา เช่น FP/DP/IPL/ZPL/DPL การติดตั้งไดรเวอร์เครื่องพิมพ์แบบคีย์เดียว และการกำหนดค่า windows อย่างง่ายดาย

เครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์ Honeywell PD45S  มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมมากมาย และรองรับการ์ดอินเทอร์เฟซเครือข่ายไร้สาย, การ์ดอินเทอร์เฟซแบบขนาน, การ์ดอินเทอร์เฟซเครื่องติดฉลาก และการ์ดอินเทอร์เฟซแบบอนุกรม

คุณสมบัติเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด (Barcode Printer) Honeywell PD45S

การใช้งานเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดในงานด้านการผลิต

การใช้งานเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดในงานด้านการผลิตมีความสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในกระบวนการผลิต รวมถึงการติดตามสินค้าและวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างการใช้งานเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดในงานด้านการผลิต ได้แก่:

1. การติดฉลากวัตถุดิบ

• การใช้งาน: พิมพ์บาร์โค้ดสำหรับวัตถุดิบที่รับเข้ามา เพื่อระบุข้อมูลเช่น รหัสสินค้า ชื่อสินค้า วันหมดอายุ และล็อตการผลิต (Batch Number)
• ประโยชน์: ช่วยในการติดตามการใช้งานวัตถุดิบในกระบวนการผลิต และลดข้อผิดพลาดในการเลือกใช้วัตถุดิบ

2. การติดฉลากผลิตภัณฑ์

• การใช้งาน: พิมพ์บาร์โค้ดสำหรับติดบนสินค้าที่ผลิตเสร็จ เช่น รหัสสินค้า วันที่ผลิต และหมายเลขซีเรียล (Serial Number)
• ประโยชน์: เพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บ ควบคุมสต็อก และการจัดส่งสินค้า

3. การติดตามกระบวนการผลิต

• การใช้งาน: ใช้บาร์โค้ดระบุสถานะของงานในแต่ละขั้นตอนของการผลิต เช่น การตรวจสอบคุณภาพ (Quality Control) หรือการบันทึกเวลาการทำงาน
• ประโยชน์: ช่วยให้สามารถติดตามกระบวนการผลิตได้แบบเรียลไทม์ และปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. การควบคุมสินค้าคงคลัง

• การใช้งาน: พิมพ์บาร์โค้ดสำหรับติดบนกล่องหรือพาเลทสินค้า เพื่อใช้งานร่วมกับระบบคลังสินค้า (Warehouse Management System)
• ประโยชน์: ลดความผิดพลาดในการจัดเก็บและการหยิบสินค้า และช่วยในเรื่องของการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างเป็นระบบ

5. การจัดส่งสินค้า

• การใช้งาน: พิมพ์บาร์โค้ดเพื่อระบุข้อมูลการจัดส่ง เช่น รหัสคำสั่งซื้อ ที่อยู่ผู้รับ และข้อมูลการติดตาม (Tracking Information)
• ประโยชน์: เพิ่มความแม่นยำและลดเวลาในกระบวนการจัดส่งสินค้า

6. การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability)

• การใช้งาน: ใช้บาร์โค้ดในการบันทึกข้อมูลสินค้าทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตจนถึงการส่งมอบ
• ประโยชน์: ช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับในกรณีที่เกิดปัญหา เช่น สินค้าชำรุดหรือการเรียกคืนสินค้า (Recall)

การเลือกเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด

• ประเภทเครื่องพิมพ์: ควรเลือกตามความต้องการ เช่น
  • Thermal Transfer: สำหรับฉลากที่ต้องการความคงทน
  • Direct Thermal: สำหรับฉลากที่ใช้งานระยะสั้น
• ขนาดและความละเอียด: เลือกตามขนาดฉลากและความละเอียดของบาร์โค้ดที่ต้องการพิมพ์
• การเชื่อมต่อ: ควรเลือกเครื่องพิมพ์ที่รองรับการเชื่อมต่อที่เหมาะสม เช่น USB, Ethernet หรือ Wi-Fi

ซอฟต์แวร์ที่รองรับ

ใช้เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดร่วมกับซอฟต์แวร์จัดการข้อมูล เช่น:

• ระบบ ERP (เช่น Odoo, SAP)
• ระบบ WMS
• โปรแกรมออกแบบฉลาก (เช่น BarTender หรือ ZebraDesigner)